ตัดหัว 14 ชั่วโคตร

วิสุทธิ์ ตูน  1  ตุลาคม  2552

cars231

วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11527 มติชนรายวัน

ป.ป.ช.ฟัน”สมัคร-นพดล”

มติ6:3ผิดคดีพระวิหาร-42รอด แฉมีคำสั่งช่วย”ฮุนเซน”เลือกตั้ง

 มติ ป.ป.ช. 6: 3 ฟันแค่ “สมัคร-นพดล” ผิดอาญา ม.157 กรณีแถลงการณ์ร่วมเขาพระวิหาร เผยหลักฐานที่ประชุม สมช. ระบุ “สมัคร”ให้อดีต รมว.บัวแก้วช่วย “ฮุน เซน”หาเสียง “มาร์ค”โต้นายกฯเขมร แค่อยากเป็นข่าว บอกไม่ตกหลุม ยันไทยก็รักษาสิทธิเหมือนกัน ชี้หวังยกปัญหาสู่เวทีนานาชาติ “สุเทพ”เชื่อ”ฮุน เซน” ไม่ได้หวังท้ารบกับไทย เผยทหารเขมรรุกล้ำเขตแดนไทยกลางดึก เจอทหารไทยยิงเตือน เผยกัมพูชาเสริมกำลังทหาร-อาวุธรอบพระวิหาร ชาว”ภูมิซรอล”ผวาเกิดสงคราม

@ มติป.ป.ช.6:3ฟัน”สมัคร-นพดล”

คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติให้นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี และนายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีความผิดด้วยคะแนนเสียง 6 ต่อ 3 กรณีออกมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) สนับสนุนการลงนามในแถลงการณ์ร่วมสนับสนุนการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา

โดยนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการและโฆษก ป.ป.ช. และนายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการ ป.ป.ช. ร่วมแถลงที่สำนักงาน ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 29 กันยายน ถึงผลการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ว่า ที่ประชุมมีมติให้นายสมัครและนายนพดลมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ด้วยคะแนนเสียง 6 ต่อ 3 โดยจะส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และส่งเรื่องต่อวุฒิสภา เพื่อให้ดำเนินการถอดถอนบุคคลทั้ง 2 ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 ต่อไป

@ “ทักษิณ-อดีตรมต.-ขรก.”รอด

นายกล้านรงค์กล่าวว่า ขณะที่รัฐมนตรีคนอื่นๆ คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติให้ยกคำร้องเช่นเดียวกับข้าราชการ ด้วยคะแนนเสียงเท่ากัน 8 ต่อ 1 เนื่องจากเห็นว่า การดำเนินการของนายสมัครและนายนพดลเป็นลักษณะงานวิชาการและทางเทคนิค การรับรู้ข้อเท็จจริงที่ได้รับแจ้งในที่ประชุม ครม.ในเวลาอันสั้น จึงไม่น่าจะรู้เท็จจริง ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯซึ่งตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วยนั้น ที่ประชุมเห็นว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีจึงให้คำร้องตกไป

นายกล้านรงค์กล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.หยิบยกคำวินิจฉัยของ 2 ศาลมาประกอบการพิจารณาด้วย คือ คำวินิจฉัยของศาลปกครองเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2551 ที่มีคำสั่งคุ้มครองห้ามมิให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ ครม.ในขณะนั้นใช้ประโยชน์จากแถลงการณ์ร่วม เนื่องจากเห็นว่าแผนที่แนบท้ายประกอบแถลงการณ์ร่วม ทางกัมพูชาจัดทำฝ่ายเดียว อาจทำลายน้ำหนักอ้างอิงที่ไทยยึดสันปันน้ำมาโดยตลอด และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2551 ที่วินิจฉัยว่าการลงนามในแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวเป็นการกระทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 เพราะแถลงการณ์ร่วมเป็นหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา เนื่องจากมาตรา 190 ให้รวมถึง “หนังสือสัญญาที่อาจมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตของประเทศ” แม้แถลงการณ์ร่วมไม่ปรากฏสาระสำคัญชัดเจนว่าอาจมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขต แต่ก็ทำให้สุ่มเสี่ยง ต่อผลกระทบด้านอาณาเขต อาจทำให้เกิดการแตกแยกทางความคิด ความมั่นคง รวมถึง สังคมด้วย

@ ระบุ”สมัคร”ให้ช่วย”ฮุนเซน”หาเสียง

โฆษก ป.ป.ช.กล่าวว่า สาเหตุที่กรรมการเสียงข้างมากชี้มูลความผิดนายนพดลฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากเห็นว่านายนพดลมีเจตนากระทำความเสียหายต่ออาณาเขตและความมั่นคงของประเทศ หลังศาลรัฐธรรมนูญตีความ มาตรา 190 แล้วเห็นว่าแถลงการณ์ร่วมสุ่มเสี่ยงต่อผลกระทบอาณาเขตของประเทศไทย ที่สำคัญการดำเนินการยังมีลักษณะปิดบังอำพราง และยังมีมูลเหตุจูงใจอื่นแอบแฝงอยู่ ที่จะให้ฝ่ายบริหารดำเนินการโดยปราศจากการตรวจสอบจากรัฐสภา

“พยานหลักฐานในส่วนของนายนพดล คือ 1.สำนักบันทึกกองเขตแดน กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย 2.สำเนาหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ลง บทความของ ศ.ดร.สมปอง สุจริตกุล 3.สำเนาถอดเทปการประชุม สมช.ครั้งที่ 2/2551 ที่นายนพดลรับทราบคำกล่าวของนายสมัครที่ขอให้นำผลประโยชน์ของประเทศมาใช้เป็นเครื่องมือในการหาเสียงของพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล กัมพูชา 4.เทปการออกรายการโทรทัศน์วันที่ 16 มิถุนายน 2551 ของนายนพดล และ 5.เทปคำปราศรัยของนายประพันธ์ คูณมี บทเวทีพันธมิตร เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2551 ออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี” นายกล้านรงค์กล่าว

@ บอกเหลือเชื่อความคิด”สมัคร”

นายกล้านรงค์กล่าวว่า ส่วนกรณีของนายสมัคร ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ต้องทราบดีถึงความอ่อนไหวของประเด็นซึ่งจะทำให้เกิดสภาวะสุ่มเสี่ยงต่อผลกระทบในเรื่องอาณาเขตและวิกฤตการณ์ทางสังคม

“นายสมัครยังเป็นฝ่ายขอให้นายนพดลดำเนินการช่วยเหลือสมเด็จ ฮุน เซน นายกฯกัมพูชา ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2551 การนำผลประโยชน์ของประเทศชาติมาใช้เป็นเครื่องมือหาเสียงของพรรคการเมืองต่างประเทศอย่างนี้ หากมองถึงสถานะของนายสมัครที่ได้รับความไว้พระราชหฤทัยให้ดำรงตำแหน่งนายกฯแล้ว เห็นได้ว่าเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อที่จะมีนักการเมืองไทยคนใดจะมีความคิดเช่นนี้ นายสมัครจึงมีเจตนาร่วมกระทำผิดกับนายนพดล” นายกล้านรงค์กล่าว

ผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์ติดต่อนายนพดล แต่นายนพดลไม่ยอมรับสาย เมื่อติดต่อไปยังเลขานุการนายนพดล ได้รับแจ้งว่านายนพดลจะแถลงข่าวในวันที่ 30 ตุลาคม เวลา 10.00 น. ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย

@ ปัดใช้แต่หลักฐานฝ่ายตรงข้าม

ผู้สื่อข่าวถามว่า ป.ป.ช.ใช้คำว่า “อาจจะเสียดินแดน” แต่ทำไมจึงชี้มูลว่านายนพดลมีความผิด นายวิชัยกล่าวว่า ถือเป็นคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยว่าเกิดภาวะสุ่มเสี่ยงต่อผลกระทบในเรื่องอาณาเขตของประเทศไทย จึงเป็นหนังสือสัญญาที่มีผลต่ออาญาเขต ฉะนั้น การกระทำของนายสมัครและนายนพดลมีเจตนาหรือไม่นั้น อยู่ที่ว่าทั้ง 2 คนรู้ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ที่เป็นภาวะสุ่มเสี่ยงต่ออาณาเขตของไทย รวมถึงรู้ถึงข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ที่ทำให้ความมั่นคงของประชาชนกระทบอย่างรุนแรงหรือไม่ด้วย เมื่อถามว่า ดูจากหลักฐานที่ ป.ป.ช.พิจารณา ส่วนใหญ่มาจากฝ่ายตรงข้ามนายนพดล นายวิชัยกล่าวว่า ไม่ใช่ เรานำมาทั้งฝ่ายเดียวกันและฝ่ายตรงข้ามนายนพดล

นายกล้าณรงค์กล่าวว่า เราไม่ได้นำหลักฐานฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามนายนพดลเท่านั้น แต่นำหลักฐานเป็นเอกสารจากกระทรวงการต่างประเทศและการสอบปากคำเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ก่อนวินิจฉัย

นายกล้านรงค์กล่าวว่า เสียงข้างน้อยที่เห็นว่าไม่มีมูลให้คำร้องตกไปก็จะอยู่ในสำนวนการไต่สวนด้วย หรือแม้แต่เสียงข้างน้อยหนึ่งเสียงที่เห็นว่าผิดทั้งหมดก็จะอยู่สำนวนการไต่สวนด้วยเช่นกัน ส่วนเสียงข้างมา 5 เสียงที่เห็นว่ามีความผิดเฉพาะสองคนก็อยู่ในสำนวนการไต่สวน ดังนั้นเป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.ดำเนินการตามปกติ

@ “มาร์ค”ไม่กังวลท่าที”ฮุนเซน”

ส่วนกรณีที่สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเกียวโดว่า หากคนไทยรุกล้ำเข้าไปในประเทศจะถูกยิง และจะ ไม่มาร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (อาเซียน ซัมมิท) ที่ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 23-25 ตุลาคมนี้ หากความขัดแย้งเรื่องประสาทพระวิหารยังไม่ได้รับการคลี่คลายนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เวลาสมเด็จฮุน เซน ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศมักจะแสดงท่าทีอย่างนี้ เป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้เป็นข่าว แต่ที่ผ่านมาก็พยายามพูดกันแล้วว่าให้ระมัดระวังเรื่องการเมืองภายในประเทศที่จะทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างประเทศ แต่เรื่องนี้ฝ่ายไทยไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะยืนยันที่จะรักษาสิทธิเหมือนกัน

เมื่อถามว่า สมเด็จฮุน เซน ขู่จะยิงคนไทยที่ล่วงล้ำเข้าไปในเขตกัมพูชา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “ไม่ได้เข้าไปในเขตเขา อยู่ในเขตของเรา ผมก็เห็นรองสุเทพ (เทือกสุบรรณ รองนายกฯ) ให้สัมภาษณ์แบบเดียวกันว่าใครข้ามมาก็ถูกยิง ผมไปมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ประเทศสหรัฐเจอนักศึกษากัมพูชาก็ถามว่าทำไมเราส่งทหารไปอยู่ในเขตเขา” นายอภิสิทธิ์กล่าว

@ บอกอย่าไปตกหลุมเขา

เมื่อถามถึงคำขู่ไม่มาร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในไทย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เชื่อว่าสมเด็จฮุน เซน ยังจะมาร่วมประชุม เมื่อถามว่าไทยต้องแสดงท่าทีต่อการให้สัมภาษณ์ของสมเด็จฮุน เซน หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จุดยืนประเทศไทยคือรักษาสิทธิดินแดน อธิปไตย ต้องการแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี และไม่ให้เสียเปรียบในเรื่องของกฎหมายระหว่างประเทศ เมื่อถามว่าจำเป็นต้องส่งนายสุเทพไปเจรจาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่จำเป็น

เมื่อถามถึงกรณีที่สมเด็จฮุน เซน หากมีการเจรจากับนายอภิสิทธิ์ จะฉีกแผนที่ฉบับที่ไทยยึดถือ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ใช่คนเจรจากับสมเด็จฮุน เซน เพราะคนที่ทำงานเรื่องนี้คือคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ไม่ทราบว่าสมเด็จฮุน เซน ถือแผนที่ฉบับไหน เพราะทางไทยถือสันปันน้ำอยู่แล้ว เมื่อถามว่า คนไทยรู้สึกว่าการตอบโต้และการรักษาสิทธิตกเป็นเบี้ยล่างกัมพูชา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “ไม่หรอก แต่เราไม่ไปตกหลุมเขามากกว่า”

@ ชี้”ฮุนเซน”หวังยกปมสู่เวทีนานาชาติ

เมื่อถามว่า มองว่าสมเด็จฮุน เซนต้องการยกระดับเรื่องนี้สู่ระดับนานาชาติ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “ถูกต้อง แต่ไทยยืนยันมาตลอดว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องยกระดับไปที่ไหน เป็นเรื่องที่แก้กันตามข้อตกลงที่มีอยู่ โดยเจบีซี และผมยังยืนยันว่าแนวทางที่จะรักษาประโยชน์เราดีที่สุดคือการเดินตามข้อตกลงปี 2543”

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ช่วงที่ตนไปร่วมประชุม สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาก็ได้พูดคุยกับนายบัน คี มูน เลขาธิการยูเอ็นถึงกรณีนี้ด้วย โดยได้บอกกับนายบัน คี มูนไปว่าให้ช่วยดูบทบาทของยูเนสโก (องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ) ที่ควรส่งเสริมสันติภาพกลับเป็นเงื่อนไขให้ไทยกับกัมพูชาขัดแย้งกัน

หลังการแถลงข่าว ผู้สื่อข่าวสอบถามนายอภิสิทธิ์ อีกครั้งถึงการตอบโต้สมเด็จฮุน เซน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “อย่าไปตกหลุมเขา” แล้วพยายามหลีกเลี่ยงการตอบคำถาม

@ “สุเทพ”เชื่อนายกฯเขมรไม่ท้ารบ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ว่า “ยังไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลและยังไม่ได้สอบถามนายกฯกัมพูชา ไม่ใช่ว่าพอมีข่าวออกมายังไม่ได้ตรวจสอบแล้วไปพูดคุยกับเขา เราก็เสียรังวัด คาดว่าน่าจะมีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ต้องหาทางพูดจาชี้แจงคลี่คลายกันไป ยังเชื่อว่าด้วยน้ำใสใจจริงของนายกฯเขมร ก็เหมือนเราคือต้องการสันติ ไม่มีเจตนาที่จะมาท้ารบอะไรหรอกครับ”

เมื่อถามว่า รัฐบาลบอกว่าจะแก้ด้วยสันติวิธี แต่ พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันว่าหากเขายิงมาเราก็จะยิงกลับไป นาย สุเทพกล่าวว่า “เป็นธรรมดาทหารปล่อยให้เขายิงข้างเดียวได้ไง ต้องว่ากันไป”

นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่มีการหยิบยกปัญหาเขาพระวิหารไปหารือในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน เพราะเป็นการหารือประชุมพหุภาคีไม่ใช่ทวิภาคี แต่อาจมีการคุยกันระหว่างนายกฯไทยกับกัมพูชานอกรอบ

@ “กษิต”เตรียมแจงกรณีพิพาท

นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เรายืนยันแนวทางแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี แต่ในแง่การปกป้องอธิปไตย เราก็ยึดมั่น ใครรุกล้ำดินแดนเราก็ไม่ยอมเช่นกัน แต่จะยิงหรือไม่นั้นเราคิดว่ามีแนวทางที่ดีกว่านั้น

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สมเด็จฮุน เซน เพียงพยายามแสดงท่าทีแข็งกร้าว โดยนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเตรียมที่จะชี้แจงประชาชนเรื่องข้อพิพาทพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา 4.6 ตารางกิโลเมตร หลังเดินทางกลับถึงไทยคืนวันที่ 30 กันยายนนี้

ด้านนายธานี ทองภักดี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้สถานเอกอัครราชทูตไทยในกัมพูชากำลังเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีรายงานข่าวดังกล่าวว่าถูกต้องหรือไม่ และยังไม่ได้รับแจ้งว่านายกฯกัมพูชาจะไม่มาร่วมประชุม

@ ผบ.ทบ.ชี้ยังไม่มีสัญญาณรุนแรง

ที่สถานีโทรทัศน์และวิทยุกองทัพบก (ททบ.5) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่า ยังรักษาความสัมพันธ์ทหารในพื้นที่ไว้และไม่ใช้มาตรการรุนแรง หากมีการรุกล้ำต้องปฏิบัติไปตามขั้นที่กำหนดไว้แล้ว ต้องยึดหลักสิทธิมนุษยชน เมื่อถามว่า สมเด็จฮุนเซนจะไม่เจรจาหากไทยยังยึดแผนที่เดิม พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ไม่ขอวิจารณ์ แต่ความสัมพันธ์ด้านทหารยังไม่มีสิ่งบอกเหตุว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงในพื้นที่

พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านปราสาทเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษว่า ขณะนี้ในพื้นที่ไม่มีปัญหา ยืนยันว่าการปฏิบัติที่ผ่านมาของทหารทั้งสองประเทศยังมีความสัมพันธ์ที่ดี ส่วนปัญหาที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงในพื้นที่ขณะนี้ยังไม่มีสิ่งบอกเหตุใดว่าจะเกิดขึ้น สถานการณ์โดยรวมไม่น่าเป็นห่วง

@ ชาว”ภูมิซรอล”ผวาเกิดสงคราม

นายวีรยุทธ ดวงแก้ว กำนัน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า การที่ผู้นำกัมพูชาระบุพร้อมยิงคนไทยและทหารไทยที่รุกล้ำเข้าไปในเขตเขาพระวิหารนั้นเป็นการประกาศที่ถืออำนาจบาตรใหญ่เกินไป ทั้งนี้ พื้นที่ 4.6 ตร.กม.ยังไม่มีการปักปันเขตแดนชัดเจน จะทราบได้อย่างไรว่าเขตใดเป็นของเขมร เขตใดเป็นของไทย ที่นายกฯกัมพูชาประกาศออกมาเช่นนี้ คาดว่าเป็นผลจากการที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเคลื่อนไหวทวงคืนแผ่นดินไทยที่เขาพระวิหารช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดบริเวณเขาพระวิหารขึ้นมาทันที

“ขณะนี้ชาวบ้านภูมิซรอลทุกคนต่างพากันหวาดหวาดผวาภัยสงครามที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะบ้านภูมิซรอลอยู่ในเขตรัศมีปืนใหญ่ของฝ่ายกัมพูชาที่จะสามารถยิงถล่มถึงได้อย่างแม่นยำ จึงอยากให้รัฐบาลเร่งเจรจาแก้ไขปัญหาโดยเร็ว” นายวีรยุทธกล่าว

@ ทหารเขมรล้ำไทยเจอยิงเตือน

ผู้สื่อข่าว จ.ศรีสะเกษรายงานว่า หลัง สมเด็จฮุนเซนให้สัมภาษณ์ว่าพร้อมจะยิงผู้บุกรุกที่เข้าไปในเขตเขาพระวิหารนั้น ทำให้เกิดความตึงเครียดบริเวณเขาพระวิหารทันที โดยกัมพูชามีการเสริมกำลังทหารตลอดแนวรอบเขาพระวิหาร นอกจากนี้ยังนำปืนกลและอาวุธหนักมาตั้งฐาน หันปากกระบอกปืนใส่ฐานทหารไทย ขณะที่ทหารไทยก็เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ในฐานที่มั่นตนเอง แต่นายทหารของไทยพยายามลดความตึงเครียด โดยพูดคุยกับนายทหารที่คุมกำลังของกัมพูชาตลอดเวลา แต่ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ ดีขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงกลางดึกที่ผ่านมาที่ช่องโดนโป ซึ่งอยู่ติดกับแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จ.ศรีสะเกษ มีทหารกัมพูชาจำนวนหนึ่งพร้อมอาวุธปืนครบมือลอบรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนไทย ซึ่งทหารไทยที่ประจำการอยู่บริเวณดังกล่าวใช้อาวุธปืนยิงเตือน ทำให้เกิดการปะทะกันประมาณ 5 นาที กลุ่มทหารกัมพูชาจึงล่าถอยกลับไป โดยไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ล่าสุด มีรายงานข่าวว่านายทหารกัมพูชาเรียกตัวทหารที่รุกล้ำเข้ามาในเขตแดนไทยไปลงโทษแล้ว

@ ครม.เขมรแถลงการณ์โต้”สุเทพ”

หนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์รายงานว่า คณะรัฐมนตรีกัมพูชาออกแถลงการณ์ปฏิเสธเนื้อหาการให้สัมภาษณ์ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่าถนนที่ตัดขึ้นสู่ปราสาทพระวิหารไม่ได้อยู่บนดินแดนกัมพูชา พร้อมยืนยันว่าถนนดังกล่าวไม่ใช่เส้นทางร่วมระหว่างกัมพูชาและไทย เพราะถนนเส้นนี้ทั้งหมดตั้งอยู่ในแผ่นดินกัมพูชา

พ.ท.บุญ วันนา รองผู้บัญชาการกองพลน้อยที่ 8 ของกัมพูชาซึ่งตั้งอยู่ในใกล้กับปราสาท พระวิหารให้ความเห็นว่า ถนนระยะทาง 3.6 กิโลเมตรดังกล่าวอยู่ในดินแดนกัมพูชาทั้งหมด แต่ฝ่ายไทยใช้แผนที่ซึ่งไม่เป็นที่รับรู้โดยทั่วกันมาอ้างสิทธิว่าถนนเส้นดังกล่าวอยู่บนดินแดนที่ยังมีข้อพิพาทระหว่างกัน

ด้านนายไพ สีปาน โฆษกรัฐบาลกัมพูชา กล่าวว่า การก่อสร้างถนนขึ้นไปยังปราสาทพระวิหารเริ่มตั้งแต่ปี 2546 ภายใต้การสนับสนุนทางการเงินจากมูลนิธิบายนเพื่อช่วยให้นักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นไปชมปราสาทได้สะดวกขึ้น การให้สัมภาษณ์ของนายสุเทพเป็นการพูดแบบไม่ใช้ความคิด และจะไม่ได้รับการสนับสนุนทั้งจากรัฐบาลและประชาชนไทย

หน้า 1

Comments are closed.